"ทริสตอง สมชาย โด" กับความภูมิใจในสีเสื้อช้างศึกไทย
แบ็คขวาดาวรุ่งมังกรไฟ ทริสแตง สมชาย โด กับภารกิจแห่งความภาคภูมิใจในฐานะนักเตะตัวแทนทีมชาติไทย
ทริสตอง สมชาย โด แบ็คขวาดาวรุ่งจากสโมสรบีอีซี เทโร ศาสน ที่เพิ่งได้ลงสัมผัสฟุตบอลซีเกมส์ 2015 เป็นครั้งแรกเมื่อถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทนนฤบดินทร์ วีรวัฒนโนดม ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายในเกมนัดแรกที่ทีมชาติไทยถล่มเอาชนะทีมชาติลาว 6-0
ฟุตบอลซีเกมส์รอบแรก กลุ่ม บี ทีมชาติไทยโชว์ฟอร์มสุดยอดด้วยการเก็บชัยชนะ 2 เกมรวด โดยเอาชนะลาว 6-0 และเอาชนะติมอร์เลสเต้ 1-0 เก็บ 6 คะแนนจาก 2 นัด และในวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายนนี้จะลงสนามเกมที่ 3 พบกับทีมชาติมาเลเซีย
ทริสตอง สมชาย โด เป็นนักเตะดาวรุ่งอีกหนึ่งคนที่กำลังเป็นที่จับตามองหลังจากลงสนามไปวางบอลสุดสวยให้ชนานันท์ ป้อมบุปผา ยิงประตูที่ 4 ของตัวเองและประตูที่ 6 ของทีมชาติไทยในเกมที่พบกับลาว
"ผมพอใจกับฟอร์มการเล่นของผมในเกมนั้นครับ" ทริสตอง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ ESPN "แต่การที่ทีมสามารถเอาชนะได้ถึง 6-0 ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนักเตะเพียงคนเดียวแต่เพราะทุกคนเล่นด้วยกัน เกมกับลาวเป็นเกมแรกแต่เราจะต้องตั้งใจและเตรียมพร้อมเพื่อพบกับทีมแกร่งอย่างมาเลเซียและเวียดนาม"
ทริสตอง สมชาย โด นักเตะสายเลือดไทยที่เกิดและเติบโตในประเทศฝรั่งเศส เป็นผลิตผลของระบบเยาวชนของสตราสบูร์ก ซึ่งเป็นทีมเดียวกับนักเตะเซาท์แธมป์ตัน มอร์แกน ชไนเดอร์แล็งเติบโตมา หลังจากนั้น "สมชาย" จึงก้าวไปฝึกฝนฝีเท้าด้วยการค้าแข้งกับลอริยงต์, แอสอาแอส เอปินัล และกราเซเลค อฌัคซิโอ
เมื่อปี 2014 ที่ผ่านมามังกรไฟ บีอีซี เทโร ศาสน เซ็นสัญญา 1 ปีกับทริสตอง สมชาย โด และหลังจากทำผลงานยอดเยี่ยมกับทีมยักษ์พรีเมียร์ลีก มังกรไฟจึงยื่นสัญญา 3 ปีให้แบ็คขวาดาวรุ่งอยู่กับทีมต่อไปจนถึงปี 2018
"ผมมีความสุขที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวฟุตบอลเทโรเพราะผมรักฟุตบอล การถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติหมายความว่าคุณต้องเล่นให้กับสโมสรได้ดีในทุกเกมที่ลงมสนาม ผมจึงคิดว่าผมทำหน้าที่ได้ดีสำหรับเทโร ทำให้ผมได้รับโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติไทย"
ทริสตอง โด เกือบจะได้ร่วมทีมชาติไทยเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ต้องพลาดการลงเล่นให้กับทีมชาติไทยในฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียชุด U22 รอบแรกเมื่อปลายเดือนมีนาคมเนื่องจากเอกสารไม่เรียบร้อย ทำให้ซีเกมส์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทริสตอง สมชาย โด ได้ลงเล่นในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติไทยร่วมกับเพื่อนนักเตะจากบีอีซี เทโร ศาสน อย่างเมสซี่ เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และเจ้าบาส พีรพัฒน์ โน้ตชัยยา ที่ล่าสุดเจ็บเข่าจนอาจต้องอดลงเล่น 2 เกม
"ผมอยากเล่นให้ทีมชาติไทย และไม่เคยอยากจะเล่นให้ทีมชาติอื่นเลย คุณปู่ของผมเคยอยู่เมืองไทย คุณพ่อของผมก็เป็นคนไทย ผมเป็นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสก็จริง แต่สิ่งที่ผมต้องการเป็นอันดับแรกคือการเล่นให้กับทีมชาติไทย" แบ็กขวาลูกครึ่ง กล่าว
"ฟุตบอลเป็นภาษาสากล ผมพูดไทยได้นิดหน่อย และผมฟังรู้เรื่อง ภาษาไทยก็เลยไม่เป็นปัญหาสำหรับผม สต๊าฟโค้ชและเพื่อนร่วมทีมก็ช่วยเหลือผมมาก ทำให้ผมรู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวฟุตบอลไทย"
แม้ขณะนี้จะยังคงต้องพยายามเบียดพื้นที่แย่งตำแหน่งตัวจริงกับนักเตะรุ่นพี่ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม แต่สมชายยืนยันว่าเข้าใจตำแหน่งหน้าที่ของตนเองในทีมเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของทีม
"ทีมชาติไทยมีผู้นำทีมที่เคยเล่นกับทีมชาติมานานแม้จะอายุยังน้อย อย่างชนาธิป และสารัช อยู่เย็น ที่เก่งมากๆ แต่นอกจากทั้งสองคนนี้แล้ว ทีมชาติไทยก็ยังมีนักเตะที่เคยเล่นด้วยกันมานานมากแล้วไม่ว่าจะในทีมชาติหรือในไทยพรีเมียร์ลีก เราจึงเข้าใจกันและเล่นด้วยกันได้ดี สิ่งสำคัญสำหรับทีมชาติไทยก็คือเมื่อเรามีโอกาสได้ลงสนามเราจะทุกคนต้องพยายามเล่นให้เต็มที่เพื่อทีมชาติไทย"
การมาเยือนสิงคโปร์ในซีเกมส์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพื่อฟุตบอลที่รักเท่านั้น แต่ทริสตองยังมีโอกาสได้พบกับญาติที่โยกย้ายมาอยู่ที่เมืองสิงโตเมื่อสองปีก่อน และทริสตองก็ดีใจที่ได้รู้ว่านอกจากแฟนฟุตบอลชาวไทยแล้ว ยังมีแฟนฟุตบอลจากสิงคโปร์ที่คอยติดตามให้กำลังใจเขาและทีมชาติไทยในซีเกมส์
"ผมพบกับญาติๆ ที่โรงแรมที่พักเมื่อไม่กี่วันก่อนครับ" ทริสตอง พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น "เป็นลูกพี่ลูกน้องที่เคยพบกันมาก่อนตอนผมอยู่เมืองไทยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่เขาแต่งงานและย้ายตามสามีมาทำงานที่สิงคโปร์ครับ"
"ได้เจอกับญาติที่นี่ก็ดีใจมากครับ ผมได้เจอหลานตัวเล็กชื่อดีดี้ และผมก็มีความสุขมากเพราะไม่ค่อยได้เจอกัน"
แต่สิ่งสำคัญที่อยู่ในใจของแบ็คขวาดาวรุ่งรายนี้ก็คือ ความพยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองในเวทีระดับชาติ และเติมเต็มความหวังของครอบครัวที่จะเห็นลูกชายคนเก่งได้คว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติไทย
ก่อนจะร่ำลากัน ทริสตอง สมชาย โด ยืดอกกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ "ผมเป็นคนไทย 100% และผมเล่นให้ทีมชาติไทย ผมฝันอยากจะคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติ ผมภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของคนไทยและเล่นฟุตบอลเพื่อประเทศไทย และผมหวังว่าจะได้รับใช้ทีมชาติไทยต่อไปในอนาคตอีกหลายๆ ปี"